เคล็ดลับการใช้ gps ติดตามรถขนส่ง ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ทำความรู้จัก gps ติดตามรถขนส่ง พร้อมวิธีใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ

รถบรรทุกหรือรถขนส่งสินค้าเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ ต้องใช้ความระมัดระวังและความชำนาญในการขับขี่สูง พนักงานขับรถต้องควบคุมรถอย่างเป็นมืออาชีพ ดูแลสินค้า เลือกเส้นทางการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ดังนั้นการเลือกติด GPS ติดตามรถขนส่งจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการควบคุมดูแลรถขนส่งสินค้าของบริษัทเป็นอย่างมาก บทความนี้จึงนำเคล็ดลับการใช้งาน GPS สำหรับติดตามรถขนส่งให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

GPS ติดตามรถขนส่ง คืออะไร

GPS ติดตามรถขนส่ง (GPS Tracker) คือ ระบบติดตามตำแหน่งที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งในรถยนต์ รถบรรทุก รถขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ สามารถติดตามตำแหน่งของรถได้แบบเรียลไทม์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตบนคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นในปัจจุบันยังทำให้ GPS สำหรับติดรถขนส่งมีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มขึ้น เช่น ระบบแจ้งเตือนเมื่อสตาร์ตรถ เมื่อรถเคลื่อนจากจุดจอด เมื่อโดนโจรกรรม หรือระบบบอกข้อมูลเส้นทางและความเร็วของรถ เป็นต้น
ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก มีกฎหมายระบุว่ารถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกบางประเภทที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ต้องติดตั้ง GPS ติดตามรถขนส่งพร้อมเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบกในการเก็บข้อมูลการเดินทาง ความเร็ว ชั่วโมงขับขี่ และตำแหน่งของรถทุก 1 นาที เพื่อให้เป็นมาตรฐานการขับขี่รถบรรทุกและรถสาธารณะ ลดการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเพื่อให้สามารถบริหารจัดการการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ

หลักการทำงานของ GPS ติดตามรถขนส่ง

การทำงานของ GPS ติดตามรถขนส่งจะใช้การยิงสัญญาณจากดาวเทียมรอบโลกในการส่งพิกัดตำแหน่งของรถ ภายใน GPS จะมีโมดูลสำหรับรับสัญญาณและคำนวณพิกัดจากนั้นจึงส่งข้อมูลไปเก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 90 วัน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละราย ผู้ควบคุมดูแลหรือบริษัทขนส่งสามารถเรียกดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ โดยข้อมูลอื่นนอกจากเส้นทางและพิกัดตำแหน่งรถจะขึ้นอยู่กับฟังก์ชันเพิ่มเติมของผู้ให้บริการ GPS เช่น การติดเซนเซอร์เพิ่มเพื่อตรวจอุณหภูมิ การเบรก การกระชาก เกจน้ำมัน การคาดเข็มขัดนิรภัยของพนักงานขับรถ เป็นต้น

การใช้งาน GPS ติดตามรถขนส่ง ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

1. ศึกษาฟังก์ชันการใช้งานอย่างละเอียด
   เทคโนโลยีของ GPS ติดตามรถขนส่งทันสมัยมากขึ้นจึงมีฟังก์ชันการใช้งานละเอียดกว่าเดิม บริษัทสามารถตรวจดูเส้นทางการเดินรถ ตำแหน่งของรถ ความเร็วที่ใช้ เวลาจอดรถ เกจน้ำมัน และพฤติกรรมการขับขี่อื่น ๆ ของพนักงานขับรถได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องศึกษาฟังก์ชันเหล่านี้อย่างละเอียดเพื่อให้สามารถใช้งาน GPS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มาปรับปรุงคุณภาพการขนส่งได้มากที่สุด
   
   
2. ตรวจสอบแบตเตอรี่ก่อนใช้งานเสมอ
   GPS รถขนส่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่และส่วนใหญ่สามารถต่อไฟจากภายในรถเพื่อเป็นพลังงานระหว่างการขับขี่ได้ หากปล่อยให้แบตเตอรี่หมด ไม่มีการต่อไฟ หรือสายไฟหลุดจนไม่มีพลังงาน จะส่งผลให้ GPS หยุดทำงาน ไม่มีการอัปเดตข้อมูล ทำให้ข้อมูลในเวลานั้นขาดหายไป ไม่สามารถติดตามตำแหน่งและรายละเอียดอื่นของรถขนส่งได้ ดังนั้นจึงต้องตรวจเช็กแบตเตอรี่และระบบไฟของ GPS ก่อนใช้งานเสมอ
   
   
3. เลือกตำแหน่งติดตั้งให้ดี
   ควรเลือกตำแหน่งในการติดตั้ง GPS ติดตามรถขนส่งให้เหมาะสม ห่างจากบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรงทั้งวัน ความร้อน ความชื้น ระวังไม่ให้เปียกน้ำเพราะอาจทำให้เครื่อง GPS เสียหาย ไฟฟ้าลัดวงจร และอายุการใช้งานลดลง
   
   
4. เลือกผู้ให้บริการที่มีความเป็นมืออาชีพ
   หากต้องการใช้งาน GPS รถขนส่งให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้ให้บริการควรมีความเป็นมืออาชีพ มีระบบหลังบ้านหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ดีรองรับการใช้งาน GPS ที่ครอบคลุม รวดเร็ว และสามารถรับส่งข้อมูลได้ครบถ้วนที่สุด

ประโยชน์ของ GPS ติดตามรถขนส่ง

1. ติดตามตำแหน่งรถขนส่งแบบเรียลไทม์
   GPS ติดตามรถขนส่งช่วยให้บริษัทหรือผู้ควบคุมดูแลสามารถติดตามตำแหน่งของรถบรรทุก รถขนส่งแบบเรียลไทม์ ทำให้รู้พิกัด เส้นทางการเดินรถ และตรวจสอบได้ว่าพนักงานขับรถอยู่บนเส้นทางหรือไม่ หากมีการขับออกนอกเส้นทางก็สามารถติดต่อคนขับเพื่อตรวจสอบได้ทันที
   
   
2. ตรวจสอบพฤติกรรมพนักงานขับรถได้ละเอียด
   ฟังก์ชันการใช้งานที่ละเอียดของ GPS ทำให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมของคนขับได้ ไม่ว่าจะเป็นการจอดแวะพัก การเติมน้ำมัน การขึ้น – ลงรถ การเหยียบเบรก ไปจนถึงการเร่งความเร็ว เพื่อให้บริษัทตรวจเช็กได้ตลอดเวลาว่าพนักงานขับรถทำงานได้ตามมาตรฐาน ปฏิบัติตามกฎจราจร และระเบียบข้อบังคับของบริษัทหรือไม่
   
   
3. ป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ
   GPS สามารถส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยังบริษัทที่ควบคุมดูแลรถขนส่งรวมถึงกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง หากมีการขับเร็วเกินกำหนดจะมีแจ้งเตือนไปยังคนขับทันทีแบบเรียลไทม์ จึงช่วยป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
   
   
4. ป้องกันความเสี่ยงของการถูกโจรกรรม
   GPS ติดตามรถขนส่งบางรุ่นมีฟังก์ชันแจ้งเตือนหากรถถูกตัดสายไฟ หรือหากมีการโจรกรรมเกิดขึ้นก็สามารถตัดระบบบางอย่างเพื่อป้องกันได้ทันที
   
   
5. ช่วยบริการการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ
   หากใช้งาน GPS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทจะสามารถนำข้อมูลที่ได้รับมาพัฒนา ควบคุม และปรับปรุงบริการขนส่งสินค้าได้ ทำให้วางแผนการขนส่ง วางกำลังคน และวางแผนการบำรุงรักษารถบรรทุกได้ดีขึ้น ช่วยลดต้นทุนและรายจ่ายฟุ่มเฟือยได้เป็นอย่างดี
   
   
6. ลดการทุจริตของพนักงานขับรถ
   เนื่องจากการใช้ GPS ช่วยติดตามพฤติกรรมของคนขับรถได้ ดังนั้นจึงช่วยลดปัญหาการทุจริตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เช่น การขับรถออกนอกเส้นทางโดยไม่จำเป็น การใช้เงินเติมน้ำมัน หรือการจอดพักนานเกินเวลาที่กำหนด ช่วยทำให้บริษัทรักษาผลประโยชน์ของตนเอง
   
   
7. เป็นหลักฐานเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
   เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การติด GPS มีส่วนช่วยให้ตำรวจ บริษัทประกัน รวมถึงบริษัทเจ้าของรถสามารถนำข้อมูลมาตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐานประกอบการสืบสวนได้

GPS เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการขับรถบรรทุกและรถส่งสินค้า ที่สำคัญยังต้องติดตั้งตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบก ดังนั้นการเลือกใช้ GPS ที่มีคุณภาพ มีฟังก์ชันหลากหลาย รองรับการติดตามข้อมูลที่ละเอียด ควบคู่ไปกับการใช้งานอย่างถูกต้อง จะทำให้สามารถใช้ GPS ในการติดตามรถขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด

สนใจ GPS ติดตามรถขนส่ง สำหรับติดตั้งในรถบรรทุก รถสิบล้อ รถขนส่งสินค้าต่าง ๆ ชายซอฟท์ คือผู้ผลิตและจัดจำหน่าย GPS ติดตามสำหรับรถขนส่งและรถยนต์โดยเฉพาะ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 24 ปี ได้รับมาตรฐาน ISO 9001:2015 และใบอนุญาตจำหน่าย GPS จากกรมการขนส่งทางบก พร้อมระบบบริการหลังการขายระดับมืออาชีพเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าผู้ใช้บริการ

สอบถามข้อมูลสินค้าและโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่